ทำไมค่ารักษากับทันตแพทย์ที่ออสเตรเลียถึงแพง?

Dentistry

เมดิแคร์จะคุ้มครองเฉพาะค่ารักษาทันตกรรมสำหรับเด็กและวัยรุ่นเท่านั้น ผ่านโครงการสิทธิประโยชน์ทันตกรรมสำหรับเด็กหรือ CDBS Source: iStockphoto / Valerii Apetroaiei/Getty Images

Get the SBS Audio app

Other ways to listen

การดูแลสุขภาพช่องปากและฟันนับเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาสุขภาพโดยรวม เรามีคำแนะนำวิธีใช้บริการที่ออสเตรเลีย สำหรับทั้งผู้ใหญ่และเด็ก รวมถึงค่าใช้จ่าย และเคล็ดลับในการรักษาสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อให้คุณมีรอยยิ้มที่สดใส


ประเด็นสำคัญ
  • เมดิแคร์ไม่จ่ายค่ารักษาทางทันตกรรม
  • หากคุณหรือครอบครัวของคุณรับเงินสวัสดิการจากรัฐบาล ลูกของคุณอาจได้รับสิทธิประโยชน์ทางทันตกรรมสำหรับเด็ก
  • ทันตแพทย์ทั่วไปดูแลรักษาด้านทันตกรรมได้ แต่ก็มีขอบเขต
กด ▶ ฟังพอดคาสต์ด้านบน

การดูแลสุขภาพช่องปากครอบคลุมถึงการดูแลรักษาสุขภาพฟัน เหงือก และเนื้อเยื่อในช่องปากอื่นๆ

ผู้เชี่ยวชาญที่ให้การดูแลทางทันตกรรมส่วนใหญ่คือทันตแพทย์ทั่วไป ซึ่งสามารถทำหัตถการด้านทันตกรรมได้หลายประเภท

ดร.เวสซัม อัตเตยา ทันตแพทย์ทั่วไปที่มีประสบการณ์กว่า 15 ปี ที่เมืองเมลเบิร์น เขากล่าวว่าทันตแพทย์ทั่วไปสามารถดูแลรักษาด้านทันตกรรมได้หลายด้าน แต่มีขอบเขตจำกัดเช่นกัน ในบางกรณี ผู้ป่วยจะถูกส่งตัวไปให้ด้านอื่นเพื่อรับการรักษาแบบเฉพาะทาง

“ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ทันตแพทย์ทั่วไปอาจส่งต่อไปให้ทันตแพทย์เฉพาะทางด้านอื่น เช่น การผ่าตัด การปลูกถ่ายรากฟันเทียม หรือบางครั้งเป็นการฟื้นฟูช่องปากทั้งหมด มีทันตแพทย์เฉพาะสำหรับเด็กด้วยเช่นกัน”
เรื่องที่เกี่ยวข้อง

เปิดประสบการณ์พยาบาลทันตกรรม

ทพ. อัตเตยากล่าวว่ายังมีทันตาภิบาลด้วย พวกเขาถูกฝึกอบรมให้ทำหัตถการเชิงป้องกันและฟื้นฟู เช่น การทำความสะอาด และการตรวจสุขภาพช่องปากและฟัน

ทันตาภิบาลมีบทบาทสำคัญในการให้ความรู้เกี่ยวกับการทำความสะอาดช่องปากอย่างถูกต้อง และการป้องกันโรค

ทั้งนี้ บริการทันตกรรมในออสเตรเลียมีทั้งคลินิกเอกชนและคลินิกรัฐบาล คลินิกของรัฐบาลมักให้บริการในราคาที่ไม่แพง

“สำหรับคลินิกรัฐบาล ผู้ป่วยอาจไม่สามารถเลือกทันตแพทย์ได้ ปกติแล้วมักจะไม่มีการดูแลเรื่องความสวยงาม หรือการรักษาที่ซับซ้อน บางครั้งผู้ป่วยที่เลือกคลินิกรัฐบาลอาจได้รับการรักษาจากนักศึกษาทันตแพทย์หรือทันตาภิบาล ภายใต้การดูแลของทันตแพทย์”

คลินิกทันตกรรมของรัฐบาลมักมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก ทำให้ต้องรอคิวนาน แต่ผู้ป่วยอาจต้องจ่ายค่าบริการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

แตกต่างจากคลินิกของเอกชน ซึ่งผู้ป่วยต้องจ่ายค่ารักษาเองหรือจ่ายโดยประกันสุขภาพเอกชน

“คุณต้องจ่ายค่าบริการในราคาเต็มสำหรับคลินิกเอกชน ผู้ป่วยสามารถเลือกทันตแพทย์ได้ และยังสามารถใช้บริการดูแลรักษาได้หลากหลายกว่า รวมถึงการรักษาเพื่อความงามด้วย และแน่นอนจะได้เห็นเทคโนโลยีล่าสุด ซึ่งอาจไม่มีในคลินิกรัฐบาล”
Male Patient Receiving Treatment In Clinic
ผู้ป่วยต้องจ่ายค่ารักษาด้วยตนเอง หากใช้บริการคลินิกทันตกรรมแบบเอกชน หรือจ่ายโดยประกันสุขภาพเอกชน Credit: XiXinXing/Getty Images/Xixinxing
อย่างไรก็ตาม ทพ. อัตเตยากล่าวว่าบริการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันไม่อยู่ในสิทธิประโยชน์ของ หรือโครงการประกันสุขภาพของรัฐบาล บริหารจัดการโดยเซอร์วิสส์ ออสเตรเลีย (Services Australia) หน่วยงานประกันสงคมของประเทศ
เมดิแคร์จะคุ้มครองเฉพาะค่ารักษาทันตกรรมสำหรับเด็กและวัยรุ่นเท่านั้น ผ่านโครงการสิทธิประโยชน์ทันตกรรมสำหรับเด็ก (Child Dental Benefits Schedule หรือ CDBS) ซึ่งให้ความช่วยครอบครัวที่มีเด็กเล็กและวัยรุ่นโดยมีจำกัดระยะเวลา และต้องผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ ปกติแล้วผู้ที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากเซ็นเตอร์ลิงก์ (Centrelink) จะมีสิทธิ์ใช้บริการ
จัสติน บอตต์ จากเซอร์วิสส์ ออสเตรเลียกล่าว
ทันตแพทย์อัตเตยาย้ำว่า การมีสุขภาพช่องปากที่ไม่ดีตั้งแต่ช่วงที่ยังอายุน้อยจะเป็นตัวบ่งชี้ถึงโรคช่องปากในวัยผู้ใหญ่ ดังนั้น การดูแลให้เด็กๆ ตรวจสุขภาพฟันตั้งแต่ยังเด็กเป็นสิ่งสำคัญ

จัสติน บอตต์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายข้อมูลชุมชนของเซอร์วิสส์ ออสเตรเลียอธิบายถึงโครงการสิทธิประโยชน์ทันตกรรมสำหรับเด็ก

มุ่งให้บริการด้านทันตกรรมกับเด็ก โดยหวังว่าพวกเขาจะไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพฟันเมื่อเป็นผู้ใหญ่ เราให้สิทธิประโยชน์สูงสุดถึง $1,095 สำหรับบริการทันตกรรมพื้นฐาน เป็นเวลา 2 ปี”
ระยะเวลา 2 ปีของสิทธิประโยชน์ด้านทันตกรรมสำหรับเด็กเริ่มขึ้นเมื่อเด็กใช้บริการเป็นครั้งแรก และต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดตลอดระยะเวลา

หากลูกของคุณยังคงใช้สิทธิประโยชน์นี้หลังระยะ 2 ปีสิ้นสุดลง คุณจะยังคงได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมสำหรับอีก 2 ปีถัดไป

“สิทธิประโยชน์จะยังคงมีต่อไปจนกว่าเด็กจะไม่สามารถรับสิทธิ์นี้ต่อไปอีก ยอดเงินจะระบุในวันที่ 1 มกราคมในปีแรกของระยะเวลา 2 ปี ยอดเงินคงเหลือที่คุณไม่ได้ใช้ในระยะ 2 ปีจะไม่ถูกทบไว้ เงินจะถูกส่งต่อไป แต่คุณจะได้รับเงินจำนวนใหม่ในทุกๆ ปีแรกของ 2 ปีที่กำหนด”

อย่างไรก็ตาม เด็กและวัยรุ่นชาวออสเตรเลียไม่สามารถรับสิทธิประโยชน์ด้านทันตแพทย์นี้ได้ทั้งหมด เพราะมีเกณฑ์การคัดเลือกคุณสมบัติที่เข้มงวด

บอตต์ระบุว่า เด็กต้องมีอายุไม่เกิน 17 ปี ถึงจะขอรับสิทธิ์นี้ได้ และต้องมีสิทธิ์รับสิทธิประโยชน์จากเมดิแคร์ได้อย่างน้อย 1 วันต่อปี

“เด็กๆ ต้องได้รับเงินสวัสดิการจากเราอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือสิทธิประโยชน์จากผู้ปกครอง ผู้ดูแล หรือผู้มีสิทธิ์ปกครองตามกฎหมายที่รับเงินสงเคราะห์ภาษีครอบครัว (family tax benefit) เงินเลี้ยงดูบุตร หรือเงินบำนาญเด็กกำพร้าในปีนั้น เด็กถึงจะสามารถรับสิทธิประโยชน์ดังกล่าวได้ หรือเด็กเองอาจมีสิทธิ์รับเงินสงเคราะห์ค่าเล่าเรียน (ABstudy) หรือเงินสงเคราะห์ภาษีครอบครัว เงินค่าดูแล เงินสงเคราะห์ผู้พิการ หรือเงินสงเคราะห์เยาวชน”
Students Listening To Teacher Talking In Dental Surgery
การรักษาทางทันตกรรมที่ออสเตรเลียมีราคาสูง เมื่อเทียบกับประเทศอื่น Credit: Tom Werner/Getty Images
สิทธิประโยชน์ด้านทันตกรรมครอบคลุมการตรวจสุขภาพช่องปากและฟัน การเอ็กซ์เรย์ การทำความสะอาด การปิดร่องฟัน การอุดฟัน การรักษารากฟัน และการถอนฟัน แต่ไม่ครอบคลุมการจัดฟันหรือทันตกรรมเพื่อความงาม

บอตต์กล่าวว่าควรแจ้งให้ทันตแพทย์ทราบว่าคุณจะใช้สิทธิประโยชน์นี้ก่อนเข้ารับบริการ

“หลายครอบครัวใช้สิทธิประโยชน์นี้ผ่านบริการแบบ บัลก์ บิล์ (bulk bill) ซึ่งพวกเขาไม่ต้องชำระเงินล่วงหน้า หากคุณยังมียอดเงินคงเหลือ คุณสามารถชำระเงิน แล้วขอรับเงินคืนจากเมดิแคร์ได้เช่นกัน”

คุณสามารถตรวจสอบยอดเงินคงเหลือสิทธิประโยชน์ด้านทันตกรรมของลูกคุณได้ทางออนไลน์ ผ่านของคุณ ซึ่งจะเชื่อมโยงบริการภาครัฐทั้งหมดไว้ในที่เดียว หรือตรวจสอบได้โดยการโทรสอบถามกับเมดิแคร์

ทันตแพทย์สามารถตรวจสอบสิทธิประโยชน์และยอดเงินคงเหลือของคุณได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ทพ. อัตเตยากล่าวว่าการรักษาทางทันตกรรมที่ออสเตรเลียมีราคาสูง เมื่อเทียบกับประเทศอื่น

“ฉันคิดว่ามันแพงมาก โดยเฉพาะในเวลานี้ที่เรากำลังเผชิญวิกฤตค่าครองชีพสูง การไปหาหมอฟัน ถ้ายังไม่จำเป็นก็ต้องเลื่อนไปก่อน”

"หลายคนต้องเลือก ว่าคุณจะมีฟันกินข้าวหรือคุณจะมีอาหารกินหรือไม่ ในความคิดของผม"

"ฉันอยู่ที่ออสเตรเลียมา 8 ปี และไม่เคยไปหาหมอฟันเลยจนวันนี้"

"มันแพงมาก และผมจ่ายไม่ไหวที่นี่ ถึงแม้ว่าคุณจะมีประกันสุขภาพของเอกชน ก็ยังสู้ราคาไม่ไหวอยู่ดี ผมชอบไปทำฟันที่ประเทศบ้านเกิดของผม ที่ตุรกี มากกว่า”
ทันตแพทย์อัตเตยาอธิบายว่า ปัจจัยที่ทำให้ราคาแพงอาจมาจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจที่สูงและปัจจัยอื่น

“ต้นทุนมีราคาแพง มันเป็นต้นทุนในการดำเนินธุรกิจที่แตกต่างจากประเทศอื่น ทันตแพทย์ต้องมีประกันเพื่อรับประกันความปลอดภัยของผู้ป่วย ทันตแพทย์ต้องใช้เวลาในการเรียนอย่างน้อย 5 ปี หรือมากกว่านั้น และยังมีข้อกำหนดในการต้องจ่ายเงินเพื่อรักษาความต่อเนื่องทางวิชาชีพ เพื่อให้มีความรู้ที่ทันสมัย เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะให้บริการที่ทันสมัยและได้รับการยอมรับ”

ทั้งนี้ การดูแลสุขภาพช่องปากและฟันของคุณเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายในการรับการรักษาทางทันตกรรมที่มีราคาแพง

ทันตแพทย์อัตเตยากล่าวว่า การป้องกันดีกว่าการรักษาเสมอ

“ผมเน้นย้ำถึงการป้องกันและการดูแลช่องปากเสมอ ไปพบทันตแพทย์เป็นประจำทุกๆ 6 เดือนหรือ 2 ครั้งต่อปี”

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการทันตสาธารณสุข ทันตกรรมฉุกเฉิน และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในแต่ละรัฐและมณฑล
อ่านหรือฟังเรื่องการตั้งถิ่นฐานในออสเตรเลียได้อีก


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 


บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share