ระบาดหนัก!! สแกมเมอร์อ้างเป็นจนท.สถานทูตไทย เตือนคนไทยในออสฯระวัง

Thais Scammer Cover.jpg

Illustration by SBS Thai // Source : Image by Gundula Vogel from Pixabay

Get the SBS Audio app

Other ways to listen

สแกมเมอร์มักอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากสถานทูตไทย หลอกล่อให้ปลายสายกดโอนสายไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดนมักอ้างว่ามีเอกสาร หรือมีความเกี่ยวข้องกับเหตุอาชญกรรมต่างๆ ด้านสถานทูตไทยยืนยันว่าไม่มีแนวปฏิบัติดังกล่าว


จากกรณีที่มีโทรศัพท์อ้างว่าติดต่อมาจากสถานทูตไทย โทรไปยังคนไทยในออสเตรเลีย ต่อมาในกลุ่มเฟซบุ๊กชุมชนคนไทยเริ่มมีการตั้งโพสต์และมีผู้แสดงความเห็นว่าเจอในลักษณะคล้ายกันจำนวนมาก

ทางเอสบีเอสไทย ได้ติดต่อเพื่อพูดคุยกับคนไทยสองคนที่เคยรับสายซึ่งอ้างว่าจากสถานทูต และสถานกงสุลไทย โดยคุณเมย์เล่าว่า ตอนช่วงหลังปีใหม่ เริ่มได้รับเบอร์แปลกโทรเข้ามา ปกติเธอไม่รับเบอร์แปลกอยู่แล้ว แต่วันนั้นมีโทรศัพท์เข้ามสติดต่อกัน 3-4 สาย จนเธอรู้สึกว่าปลายทางอาจจะพยายามติดต่อใครสักคนแล้วโทรผิด เลยตัดสินใจรับ เผื่อใครโทรผิด มีเรื่องด่วน

“พอรับปุ๊ป เขาพูดขึ้นมาทันทีเลยว่า โทรมาจากสถานทูตไทย” คุณเมย์เล่าและว่า “ตอนนั้นเรารู้สึกตกใจ เพราะเราอยู่ออสเตรเลีย การจะรับสายคนไม่รู้จักเราต้องพูดอังกฤษอยู่แล้ว อันนี้เราก็พูดอังกฤษกับเขา แต่เขาตอบกลับมาเป็นภาษาไทย เหมือนรู้ชัดเจนแน่นอนว่าเราเป็นคนไทย”
Thais Scammer.jpg
โพสต์ในกลุ่มเฟซบุ๊กของคนไทย
เช่นเดียวกันกับคุณมลฤดี เธอเล่าว่า เธอลองนั่งย้อนดู ก็พบว่าเบอร์นี้โทรมาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ก็เอะใจว่า มันไม่น่าจะใครทำงานวันที่ 1

“เบอร์คล้ายกัน โทรมาตั้งแต่วันที่ 1 เราไม่ได้รับ โทรมาจนวันที่ 3 เบอร์ 03 9533 9102 โดยที่ตัวเลขสองตัวหลังจะมีการเปลี่ยนไปเรื่อยๆ อาทิ 03 04 07 เราไม่รู้จักเบอร์นี้ เราก็ไม่รับ เพราะปกติก็จะมีคนที่โทรมาขายไวน์ โทรมาขายของโน้นนี่ ดังนั้นถ้าเราไม่รู้จักไม่รับดีกว่า”

เธอเล่าต่ออีกว่า คราวนี้วันพฤหัสบดีที่ 4 มกราคม โทรมาหลายรอบมาก จนเอะใจว่า หรือว่าเขาจะมีอะไรสำคัญหรือเปล่า หรือหน่วยงานอะไรไหม เพราะเราขายของออนไลน์ เราจะมีติดตามพัสดุของเรากรณีมีความล่าช้า และเป็นเบอร์ซ้ำๆ กัน เหมือนเป็นเบอร์จากหน่วยงานอะไรสักอย่าง
เพราะถ้าเป็นสแกมเมอร์ หรือคนธรรมดา มันต้องมีการเปลี่ยนเบอร์ ไปเรื่อยๆ ประมาณบ่ายสามโมง ก็เลยรับสาย เพราะโทรมาตั้งแต่เช้า เราไม่ได้รับ พอรับก็เป็นเสียงผู้หญิง อัตโนมัติ บอกว่ามาจากสถานกงสุลไทยในออสเตรเลีย คุณมีเอกสารสำคัญที่ต้องรับจากกงสุล
มลฤดีเล่า
ลูกล่อจากสแกมเมอร์ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่สถานทูต

คุณเมย์บอกว่า ตอนเขาบอกว่า โทรมาจากสถานทูต ถามตอนนั้นตกใจไหม ตกใจนะคะ เพราะกำลังยื่นพีอาร์อยู่ เลยไม่มั่นใจว่า มันเกี่ยวข้องอะไรกันหรือเปล่า เลยตัดสินใจ ที่จะลองฟังดูก่อนว่าเขามีอะไร

“เขาจะใช้คำพูดว่า ขอคุยด้วยหน่อย เป็นสถานทูต เพราะมีเอกสารเกี่ยวกับคุณ พอเขาพูดแบบนี้ เราเลยฟังว่ามันมีอะไรเกิดขึ้น เขาบอกว่า มีผู้ร้ายที่ถูกจับที่สนามบินสุวรรณภูมิ วันที่ 18 ประมาณนี้ คนร้ายที่ถูกจับ เขาก็จะบอกชื่อมาหมดเลยว่า มีชื่ออะไรบ้าง โดนจับเวลาไหน ไฟลท์บินที่เท่าไหร่ แล้วที่เค้าโทรมาคือมีการรับแจ้งว่ามี พาสปอร์ตของเรา และเอกสารบางอย่างกับตัวผู้ร้ายเหล่านั้น และเขาบอกว่าคุณรู้จักผู้ร้ายสองคนนี้หรือเปล่า”
“ตอนนั้นเราเอะใจ แต่แรกแล้ว เพราะเขาไม่ได้เอ่ยชื่อเรา แต่เพราะเรากำลังยื่นพีอาร์ออสเตรเลีย เลยมีความกังวลนิดนึงว่า มันจะเกิดอะไรขึ้นไหม มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ลองฟังไปก่อน เขาก็จะพูดว่าให้เราไปสถานทูตเดี๋ยวนี้เลย เลยถามกลับว่า ถ้าเป็นสถานทูตจะเป็นสถานทูตที่ไหน เขาเลยบอกว่า เอาอย่างนี้ ให้คุยกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ไทยก่อน”
Thai Scammer 2.jpg
ตัวอย่างเบอร์ที่โทรเข้ามาหาคนไทย
คุณเมย์เล่าต่ออีกว่า “เราคุยว่าถ้าเป็นเรื่องจริง เรายินดีไปกงสุลนะ เพราะเราอยู่ซิดนีย์ เขาบอกว่า ต้องมาที่เมลเบิร์น เลยถามกลับไปว่า ‘มันมีสถานกงสุลที่เมลเบิร์นด้วยหรือคะ’ เขาก็บอกว่ามันคนละส่วนกัน สุดท้ายเขาบอกว่าจะโอนสายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อยืนยันว่าเราไม่รู้จักกับพวกเขาจริงๆ”

เธอบอกว่าตอนนั้นปลายสายจะให้รายละเอียดของผู้ร้าย ผู้ร้ายที่เขาอ้างถึง หมายเลขเอกสาร และเขาที่เป็นเจ้าหน้าที่กงสุลชื่ออะไร เขาก็ทำว่ามีเอกสาร บอกรายละเอียดนู้นนี่
“ณ ตอนนั้นในใจเราคิดแล้วว่า เขาอาจะเป็นสแกมเมอร์ เพราะเขาไม่พูดถึงชื่อเราเลยสักคำเดียว สักพักเขาก็ตัดสายไป เป็นการโอนสาย ซึ่งเป็นโอนสายแค่ 3 ตื๊ดเท่านั้น แล้วมีคนรับสายอ้างเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงตอนนี้มั่นใจว่าเป็นสแกมเมอร์แน่นอน เพราะสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่น่าจะติดต่อง่ายขนาดนี้”

ด้านคุณมลฤดีกล่าวว่า หลังจากที่รับสายและคุยไปสักพัก ปลายสายให้เธอกด 9 เพื่อโอนสายไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ คุยเรื่องรายละเอียด
เราเลยกดตามไป เพราะเขาคุยเป็นภาษาไทย เพราะเราคิดว่า ถ้าสแกมเมอร์ที่นี่ น่าจะเป็นภาษาอังกฤษ เพราะว่าเราอยู่ออสเตรเลีย
เธอตั้งข้อสังเกต
“พอกด9 ก็มีคน ‘สวัสดีค่ะ’ มา เราก็ ‘สวัสดีค่ะ’ ตอบ เขาเงียบเหมือนไม่ได้ยิน เราเลย ‘สวัสดีค่ะ’ กลับไปอีกรอบ เขาก็ยังเงียบอยู่ แต่สายไม่ได้วาง เราเริ่มเอะใจแล้วว่า เป็นพวกสแกมเมอร์หรือเปล่า เราเลยรีบกดวางสายทันที

เธอบอกว่า หลังจากนั้นเลยไปค้นหาข้อมูลว่า เบอร์นี้เป็นเบอร์อะไรกันแน่ ก็พบว่าที่เมลเบิร์นเคยมีสถานกงสุลไทย แล้วเบอร์ต้นคล้ายกันเลย 03-9533 เพียงแต่เบอร์ท้ายจะมีเปลี่ยนกันนิดหน่อย
Thai Scammer 3.jpg
ตัวอย่างคอมเมนต์ในโพสต์ดังกล่าว
ด้านเดเลีย ริกคาร์ด รองประธาน ACCC หรือ Australian Competition and Consumer Commission ซึ่งเป็นองค์กรเฝ้าระวังผู้บริโภคของออสเตรเลีย ขอให้ประชาชนระวังใครก็ตามที่แอบอ้างว่ามาจาก Telstra หรือ NBN หรือ Microsoft ทางโทรศัพท์ เพื่อขอเข้าถึงคอมพิวเตอร์จากระยะไกล

“หากคุณไม่แน่ใจ ให้สอบถามรายละเอียด วางสาย และโทรหาผู้ให้บริการของคุณเพื่อตรวจสอบว่าพวกเขาถูกต้องหรือไม่ ลองค้นหาใน Google หรือตรวจสอบสมุดโทรศัพท์เพื่อรับหมายเลขผู้ให้บริการของคุณ ” ริคคาร์ดเตือนในแถลงการณ์

แนวปฏิบัติจากสถานทูตไทย

เอสบีเอสไทย ได้พูดคุยกับ อาจารี ศรีรัตนบัลล์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา กล่าวว่า สำหรับกรณีเรื่องการโทรศัพท์โดยอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่สถานทูต ต้องเรียนแจ้งว่า ไม่มีการโทรศัพท์ถึงผู้ที่มาขอรับบริการในทั้งสองกรณี ในกรณีแรก เรื่องเอกสารที่ค้างอยู่ที่สถานทูต หรือสถานกงสุล หากว่าผู้ขอรับบริการมาติดต่อที่สถานทูตหรือสถานกงสุลเพื่อขอรับบริการด้วยตนเอง และแจ้งความประสงค์ว่าจะรับเอกสารด้วยตนเอง ผู้มาขอรับบริการต้องมารับเอกสารด้วยตนเองอยู่แล้ว ดังนั้นทางสถานทูต สถานกงสุลจะไม่มีการติดต่อแจ้งไป
Thai Embassdor.jpg
อาจารี ศรีรัตนบัลล์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา Supplied by Parisuth Sodsai
รูปแบบที่สอง หากผู้มาขอรับบริการมาติดต่อกับสถานทูต สถานกงสุลเพื่อขอรับบริการทางไปรษณีย์ กรณีนี้ต้องส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องและแนบซองไปรษณีย์เพื่อการส่งกลับมาอยู่แล้ว ซึ่งทางสถานทูต และสถานกงสุลก็จะใช้ซองที่แนบมาพร้อมที่อยู่ในการจัดส่งเอกสารคืนไป

ดังนั้นเราจะไม่โทรให้คนไทยไปรับเอกสารใดๆ เพราะมีแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจนอยู่แล้ว

โดยเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2567 เพจเฟซบุ๊กของ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์ราได้โพสต์เตือนคนไทยในกรณีนี้
เอกอัครราชทูตไทยยังกล่าวอีกว่า เรื่องคดีความ ที่อ้างว่าจะมีการส่งต่อไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น ขอเรียนให้ทราบว่าสถานทูตไม่ใช่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เพราะฉะนั้น เราจะไม่มีการโทรศัพท์เพื่อแจ้งเรื่องดังกล่าว และโดยปกติแล้ว ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็จะไม่ส่งเอกสารเหล่านี้มาทางสถานทูต แต่จะส่งเอกสารไปตามที่อยู่ในสำเนาทะเบียนบ้านของผู้ที่เกี่ยวข้อง
“มีอีกกรณีที่มีการให้เปิดกล้องให้การคุยกัน เรื่องนี้ต้องระมัดระวัง เพราะเราไม่รู้ว่าถ้าเป็นมิจฉาชีพ เขาอาจจะใช้โอกาสในการแสกนใบหน้า เก็บไว้หรือเปล่า ซึ่งต้องขอให้ ระมัดระวังในเรื่องนี้ด้วย
เอกอัครราชทูตไทยกล่าวเตือน
นอกจากนี้กรณีหากสถานทูตมีการติดต่อไปหาคนไทย เราจะไม่ใช่ระบบเสียงอัตโนมัติโทรไป และไม่ได้มีระบบให้ผู้รับสายกดหมายเลขเพื่อทำรายการ ทั้ฝในเรื่องการแจ้งข้อมูลส่วนตัวและเรื่องธุรกรรม

เอกอัครราชทูตไทยฝากเตือนมายังชุมชนคนไทยในออสเตรเลียว่า เรื่องภัยทางโทรศัพท์ อยากให้ทุกคนใช้ความระมัดระวัง เพราะปัจจุบันกลุ่มมิจฉาชีพมีการพัฒนาวิธีการต่างๆ หลอกล่อเหยื่อให้หลงชื่อให้ข้อมูล ต้องรู้เท่าทันและระมัดระวังให้มากขึ้น โดยเฉพาะเวลาได้รับโทรศัพท์หมายเลขที่ไม่คุ้นเคย

หากไม่แน่ใจ หรือว่าสงสัยว่าเป็นมิฉาชีพ ขอให้ตรวจสอบข้อมูลหรือแจ้งเบาะแสแก้สถานเอกอัครราชทูตที่

เว็บไซต์ canberra.thaiembassy.org

Facebook : Royal Thai Embassy Canberra

X หรือ Twitter เดิม : @RTECanberra

Line@CBRCONSULAR โทรศัพท์ 02 6206 0100

และสถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ เว็บไซต์ sydney.thaiembassy.org

Facebook : Royal Thai Consulate-General Sydney

Linne@ThaiConsulateSydney

โทรศัพท์ (02) 9241 2542
ฟังเรื่องนี้ในรูปแบบพอดคาสต์ คลิก
Thai Embassy Scams 170124 image

ระบาดหนัก!! สแกมเมอร์อ้างเป็นจนท.สถานทูตไทย เตือนคนไทยในออสฯระวัง

SBS Thai

18/01/202425:05

Share