แรงงานต่างชาติจะได้รับอนุญาตให้พำนักอยู่ในออสเตรเลียเพื่อดำเนินการทางคดีกับที่ทำงานที่เอาเปรียบ

โครงการนำร่องด้านความยุติธรรมในสถานที่ทำงานจะดำเนินไปเป็นเวลา 2 ปี และมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนผู้อพยพชั่วคราวที่ถูกนายจ้างเอาเปรียบ

Temporary workers pursuing workplace exploitation claims will now be able to stay in Australia for up to 12 months. Source: Getty / Tempura

ประเด็นสำคัญ

• รัฐบาลได้ออกวีซ่าใหม่เพื่อสนับสนุนผู้อพยพที่ยื่นคำร้องการแสวงประโยชน์จากแรงงาน
• ขณะนี้ผู้อพยพชั่วคราวสามารถอยู่ในออสเตรเลียได้เป็นเวลา 6 ถึง 12 เดือนหากเป็นประโยชน์หรือจำเป็นต่อการเรียกร้องของพวกเขา
• วีซ่าชั่วคราว (ประเภท 408) เปิดตัวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วในฐานะโครงการนำร่องระยะเวลา 2 ปี

ภายใต้วีซ่าใหม่นี้ผู้ย้ายถิ่นฐานชั่วคราวสามารถอยู่ในออสเตรเลียได้นานถึง 12 เดือนหากพวกเขาต้องต่อสู้เพื่อความยุติธรรมจากนายจ้าง

วีซ่าชั่วคราวสำหรับกิจกรรม (ประเภท 408) ได้รับการเปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วโดยเป็นโครงการนำร่องระยะเวลา 2 ปี และได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ผู้ย้ายถิ่นฐานชั่วคราวสามารถอยู่ในออสเตรเลียเพื่อยื่นคำร้องกรณีถูกแสวงประโยชน์ในสถานที่ทำงาน

ภายใต้วีซ่าดังกล่าว แรงงานต่างชาติสามารถอยู่ในประเทศได้เป็นเวลา 6 เดือน หากการอยู่ในออสเตรเลียนั้นเป็นประโยชน์ต่อการยื่นคำร้อง หรือนานถึง 12 เดือนหากการอยู่ในออสเตรเลียเป็นสิ่งจำเป็นในการยื่นคำร้องกรณีถูกแสวงประโยชน์และเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ

สมาชิกในครอบครัวแรงงานเหล่านี้สามารถรวมพำนักภายใต้วีซ่าได้เช่นกันหากพวกเขาอยู่ในออสเตรเลียอยู่แล้ว

สำหรับผู้มีสิทธิ์ได้รับวีซ่าตัวนี้ คุณต้องมีวีซ่าชั่วคราวที่มีสิทธิในการทำงานเหลือไม่เกิน 28 วัน

หรือคนงานที่ถือวีซ่าชั่วคราวที่มีสิทธิในการทำงานซึ่งสิ้นสุดลงภายใน 28 วันหลังจากยื่นคำร้องก็มีสิทธิ์เช่นกัน

ผู้สมัครจะต้องมีใบรับรองการยื่นเรื่องการแสวงประโยชน์ในสถานที่ทำงานตามที่อ้าง และต้องอธิบายว่าเหตุผลว่าเหตุใดการพำนักอยู่ต่อจึงเป็นประโยชน์หรือจำเป็นต่อพวกเขา

การแสวงประโยชน์ในสถานที่ทำงานอาจรวมถึงการจ่ายค่าจ้างไม่ครบ ถูกกดดันให้ทำงานเกินเวลาที่กำหนดในวีซ่า นายจ้างขู่ว่าจะยกเลิกวีซ่า กลั่นแกล้งหรือคุกคาม หรือกดดันให้คนงานมอบหนังสือเดินทางให้กับนายจ้าง

ผู้สมัครต้องอยู่ในออสเตรเลียจึงจะยื่นใบสมัครได้ และต้องมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดด้านสุขภาพและจริยธรรม

วีซ่าใหม่นี้ได้รับการอนุมัติโดยอดีตรัฐมนตรีด้านการกระทรวงตรวจคนเข้าเมือง แอนดรูว์ ไจลส์ ซึ่งปัจจุบันถูกย้ายไปทำงานด้านทักษะและการฝึกอบรมในการปรับเก้าอี้คณะรัฐมนตรีเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา